ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ชาร์ล เดอ โกล"
ล เพิ่มหมวดหมู่:ผู้รอดชีวิตจากการลอบสังหารแล้ว ด้วยฮอทแคต |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 26 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 18 คน) | |||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ |
{{สำหรับ|ท่าอากาศยาน|ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล}} |
||
{{ต้องการอ้างอิง}} |
|||
{{ผู้นำประเทศ |
|||
{{กล่องข้อมูล ผู้ดำรงตำแหน่ง |
|||
| name = ชาร์ล เดอ โกล<br />Charles de Gaulle |
| name = ชาร์ล เดอ โกล<br />Charles de Gaulle |
||
| image = |
| image = De Gaulle-OWI.jpg |
||
| imagesize = |
| imagesize = 200px |
||
| order = [[ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประธานาธิบดีคนที่ 1]]<br />[[สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5|แห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5]]<br /><small>[[รายนามประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสคนที่ 18]]</small> |
| order = [[ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประธานาธิบดีคนที่ 1]]<br />[[สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5|แห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5]]<br /><small>[[รายนามประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสคนที่ 18]]</small> |
||
| term_start = |
| term_start = 8 มกราคม พ.ศ. 2502 |
||
| term_end = |
| term_end = 28 เมษายน พ.ศ. 2512 |
||
| primeminister = [[มีแชล เดอเบร]] <small>( |
| primeminister = [[มีแชล เดอเบร]] <small>(พ.ศ. 2502 - 2504)</small><br />[[ฌอร์ฌ ปงปีดู]] <small>(พ.ศ. 2505 - 2511)</small><br />[[มอริส กูฟว์ เดอ มูร์วีล]] <small>(พ.ศ. 2511 - 2512)</small> |
||
| predecessor = [[เรอเน กอตี]] |
| predecessor = [[เรอเน กอตี]] |
||
| successor = [[อาแล็ง ปอแอร์]] <small>(รักษาการ)</small> |
| successor = [[อาแล็ง ปอแอร์]] <small>(รักษาการ)</small> |
||
| order2 = [[คณะรัฐบาลเฉพาะกาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประธานคณะรัฐบาลเฉพาะกาลฝรั่งเศสคนที่ 1]]<br /><small>[[นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนที่ 124]]</small> |
| order2 = [[คณะรัฐบาลเฉพาะกาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประธานคณะรัฐบาลเฉพาะกาลฝรั่งเศสคนที่ 1]]<br /><small>[[นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนที่ 124]]</small> |
||
| term_start2 = |
| term_start2 = 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 |
||
| term_end2 = |
| term_end2 = 20 มกราคม พ.ศ. 2489 |
||
| predecessor2 = ''เป็นหัวหน้า[[กองทัพเสรีฝรั่งเศส]]''<br />[[ฟีลิป เปแต็ง]] <small>([[ฝรั่งเศสเขตวีชี|ประมุขแห่งรัฐ]])</small><br />[[ปีแยร์ ลาวาล]] <small>([[นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรี]])</small> |
| predecessor2 = ''เป็นหัวหน้า[[กองทัพเสรีฝรั่งเศส]]''<br />[[ฟีลิป เปแต็ง]] <small>([[ฝรั่งเศสเขตวีชี|ประมุขแห่งรัฐ]])</small><br />[[ปีแยร์ ลาวาล]] <small>([[นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรี]])</small> |
||
| successor2 = [[เฟลิกซ์ กวง]] |
| successor2 = [[เฟลิกซ์ กวง]] |
||
| order3 = [[นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนที่ 149]]<br /><small>[[รายนามนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 4 คนที่ 22]]</small> |
| order3 = [[นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนที่ 149]]<br /><small>[[รายนามนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 4 คนที่ 22]]</small> |
||
| term_start3 = |
| term_start3 = 1 มิถุนายน พ.ศ. 2501 |
||
| term_end3 = |
| term_end3 = 8 มกราคม พ.ศ. 2502 |
||
| president3 = [[เรอเน กอตี]] |
| president3 = [[เรอเน กอตี]] |
||
| predecessor3 = [[ปีแยร์ ฟลีมแล็ง]] |
| predecessor3 = [[ปีแยร์ ฟลีมแล็ง]] |
||
| successor3 = [[มีแชล เดอเบร]] |
| successor3 = [[มีแชล เดอเบร]] |
||
| order4 = [[กองทัพเสรีฝรั่งเศส|หัวหน้ากองทัพเสรีฝรั่งเศส]] |
| order4 = [[กองทัพเสรีฝรั่งเศส|หัวหน้ากองทัพเสรีฝรั่งเศส]] |
||
| term_start4 = |
| term_start4 = 18 มิถุนายน พ.ศ. 2483 |
||
| term_end4 = |
| term_end4 = 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 |
||
| predecessor4 = [[สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3]] |
| predecessor4 = [[สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3]] |
||
| successor4 = [[คณะรัฐบาลเฉพาะกาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส]] |
| successor4 = [[คณะรัฐบาลเฉพาะกาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส]] |
||
| birth_date = |
| birth_date = 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2433 |
||
| birth_place = [[ลีล]], [[ประเทศฝรั่งเศส]] |
| birth_place = [[ลีล]], [[ประเทศฝรั่งเศส]] |
||
| death_date = {{วันตายและอายุ|2513|11|9|2433|11|22}} |
| death_date = {{วันตายและอายุ|2513|11|9|2433|11|22}} |
||
บรรทัด 34: | บรรทัด 35: | ||
| party = [[Union of Democrats for the Republic|UDR]] |
| party = [[Union of Democrats for the Republic|UDR]] |
||
| religion = [[โรมันคาทอลิก]] |
| religion = [[โรมันคาทอลิก]] |
||
| signature = Charles de Gaulle Signature 2.svg |
|||
|}} |
|}} |
||
'''ชาร์ล อ็องเดร โฌแซ็ฟ มารี เดอ โกล''' ({{lang-fr|Charles André Joseph Marie de Gaulle}}) หรือ '''ชาร์ล เดอ โกล''' |
'''ชาร์ล อ็องเดร โฌแซ็ฟ มารี เดอ โกล''' ({{lang-fr|Charles André Joseph Marie de Gaulle}}) หรือ '''ชาร์ล เดอ โกล'''; 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2433 – 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513) เป็นเจ้าหน้าที่นายทหารแห่งกองทัพบกฝรั่งเศส และรัฐบุรุษที่นำ[[เสรีฝรั่งเศส]]ในการต่อสู้กับ[[นาซีเยอรมนี]]ใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] และเป็นประธาน[[รัฐบาลชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส]] ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2487 - พ.ศ. 2489 เพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่ในฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2501 เขาได้พ้นจากตำแหน่ง เมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะรัฐมนตรี(นายกรัฐมนตรี) โดยประธานาธิบดี [[เรอเน กอตี]] เขาได้เขียนร่างรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่และก่อตั้ง[[สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 4]] ภายหลังจากได้รับการอนุมัติโดยการลงประชามติ เขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปีต่อมา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาได้รับเลือกอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 และดำรงตำแหน่งจนกระทั่งลาออกในปี พ.ศ. 2512 |
||
เขาเกิดในเมืองลีล เขาได้จบการศึกษาจาก เซนต์ ไคล์ ในปี พ.ศ. 2455 เขาเป็นนายทหารที่ได้รับการประดับด้วยเหรียญกล้าหาญจาก[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] ซึ่งได้รับบาดเจ็บหลายครั้งและต่อมาก็ถูกจับกุมเป็นเชลยที่[[ยุทธการที่แวร์เดิง|แวร์เดิง]] ในช่วง[[สมัยระหว่างสงคราม]] เขาได้สนับสนุนกองพลยานเกราะที่เคลื่อนที่ได้ ในช่วงเยอรมันเข้ารุกรานในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2483 เขาได้เป็นผู้นำกองพลยานเกราะในการโจมตีตอบโต้กลับต่อผู้รุกราน จากนั้นเขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสงคราม การปฏิเสธที่จะยอมรับ[[การสงบศึก 22 มิถุนายน ค.ศ. 1940|การสงบศึกของรัฐบาลของเขากับเยอรมนี]] เดอ โกลได้ลี้ภัยไปยังอังกฤษ และกระตุ้นให้ชาวฝรั่งเศสทำการต่อต้านการยึดครองและดำเนินการต่อสู้ต่อไปตาม[[คำอุทธรณ์ 18 มิถุนายน]]ของเขา เขาเป็นผู้นำกองทัพเสรีฝรั่งเศส และต่อมาเป็นหัวหน้า[[คณะกรรมการแห่งการปลดปล่อยชาติฝรั่งเศส]]ที่ต่อกรกับ[[ฝ่ายอักษะ]] แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกา แต่โดยทั่วไปแล้ว เขาได้รับการสนับสนุนจาก[[วินสตัน เชอร์ชิล]]และกลายเป็นผู้นำที่ไม่มีใครโต้แย้งได้ของเสรีฝรั่งเศส เขาได้เป็นหัวหน้า[[รัฐบาลชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส]] ในปี พ.ศ. 2487 รัฐบาลชั่วคราวของฝรั่งเศสในภายหลังจาก[[การปลดปล่อยฝรั่งเศส|ได้รับการปลดปล่อย]] ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2487 เดอ โกลได้นำนโยบายเศรษฐกิจแบบดิริจิสต์ ซึ่งได้รวมถึงการควบคุมโดยรัฐอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมซึ่งตามาด้วยการเติบโตเป็นประวัติการณ์ 30 ปี เป็นที่รู้จักกันคือ Trente Glorieuses ความผิดหวังโดยการกลับมาของการแบ่งพรรคแบ่งพวกเล็กน้อยในสาธารณรัฐที่ 4 แห่งใหม่นี้ เขาได้ลาออกในช่วงต้นปี พ.ศ. 2489 แต่ยังคงมีบทบาททางการเมืองในฐานะผู้ก่อตั้ง Rassemblement du Peuple Français (RPF; "การชุมนุมของประชาชนชาวฝรั่งเศส") เขาได้เกษียณอายุในช่วงต้นปี พ.ศ. 2493 และเขียนหนังสือที่ชื่อว่า "บันทึกความทรงจำของสงคราม" ซึ่งกลายเป็นวรรณกรรมฝรั่งเศสสมัยใหม่ที่สำคัญอย่างรวดเร็ว |
|||
ก่อนสมัย[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักยุทธวิธีการรบด้วยรถถัง และผู้นิยมการรบด้วยการใช้ยานเกราะและกองกำลังทางอากาศ เขาเป็นผู้นำการปลดปล่อยฝรั่งเศสในสมัย[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] และผู้นำรัฐบาลชั่วคราวในช่วงปี [[พ.ศ. 2487]] (ค.ศ. 1944) ถึง [[พ.ศ. 2489]] (ค.ศ. 1946) ถูกเรียกตัวไปจัดตั้งรัฐบาลในปี [[พ.ศ. 2501]] (ค.ศ. 1958) เขาได้เป็นแรงบันดาลใจในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนแรกในยุคสาธารณรัฐที่ 5 ระหว่างปี [[พ.ศ. 2501]] (ค.ศ. 1958) ถึงปี [[พ.ศ. 2512]] (ค.ศ. 1969) แนวคิดทางการเมืองของเขาเป็นที่รู้จักในนามของ[[ลัทธินิยมโกล]] และมีอิทธิพลอย่างมากต่อการเมืองฝรั่งเศสในยุคต่อมา |
|||
เมื่อ[[สงครามแอลจีเรีย]]กำลังทำลายสาธารณรัฐที่สี่ที่กำลังสั่นคลอน สมัชชาแห่งชาติได้ทำให้เขากลับมามีอำนาจในช่วง[[วิกฤตการณ์ในฝรั่งเศส เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1958|วิกฤตการณ์เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2501]] เขาได้ก่อตั้งสาธารณรัฐที่ห้า ด้วยตำแหน่งประธานาธิบดีที่แข็งแกร่งและเขาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่อไป เขาได้พยายามที่จะรักษาชาวฝรั่งเศสไว้ด้วยกัน ในขณะที่ทำตามขั้นตอนเพื่อยุติสงคราม ซึ่งเป็นผลมาจากความโกรธแค้นของ Pieds-Noirs (ชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ฝรั่งเศสที่เกิดในแอลจีเรีย) และทางทหาร ทั้งสองฝ่ายเคยสนับสนุนให้เขากลับคืนสู่อำนาจเพื่อรักษาการปกครองดินแดนอาณานิคม เขาได้มอบเอกราชให้แก่แอลจีเรียและดำเนินการอย่างก้าวหน้าต่อเขตอาณานิคมอื่น ๆ ของฝรั่งเศส ในบริบทของ[[สงครามเย็น]] เดอ โกล ได้ริเริ่ม "การเมืองแห่งความยิ่งใหญ่" โดยยืนยันว่า ฝรั่งเศสเป็นมหาอำนาจที่สำคัญ ไม่ควรที่จะพึ่งพาประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา เพื่อความมั่งคงและความมั่นคั่งของชาติ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงดำเนินนโยบาย "เอกราชแห่งชาติ" ซึ่งทำให้เขาต้องถอนตัวออกจากกองบัญชาการทหารที่รวมน้ำหนึ่งใจเดียวกันของ[[เนโท]] และเปิดตัวโครงการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ที่เป็นอิสระ ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสนั้นมีอำนาจด้วยระเบิดนิวเคลียร์เป็นอันดับที่สี่ เขาได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศส - เยอรมันด้วยมิตรไมตรีจิตเพื่อสร้างถ่วงดุลอำนาจของยุโรประหว่างอิทธิพลของอังกฤษและอเมริกา และโซเวียต โดยผ่านการลงนามใน[[สนธิสัญญาเลลีเซ]] เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2506 |
|||
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนาใด ๆ ของ[[สหภาพเหนือชาติ]] ที่นิยมให้ยุโรปเป็นทวีปแห่งชาติที่มีอำนาจอธิปไตย เดอ โกลได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการแทรกแซงของสหรัฐในเวียดนามและ "สิทธิพิเศษที่สูงเกินจริง" ของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ในปีต่อมา เขาได้รับสนับสนุนจากคำขวัญที่ว่า "[[เสรีควิเบก จงเจริญ]]" และการคัดค้านต่อการเข้าร่วม[[ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป]]ของสหราชอาณาจักรถึงสองครั้ง ได้สร้างความขัดแย้งอย่างมาก ทั้งในอเมริกาเหนือและยุโรป แม้ว่าจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2508 แต่เขาได้เผชิญพบกับการประท้วงอย่างกว้างขวางของนักศึกษาและคนงานในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2511 แต่ยังคงได้รับการสนับสนุนจากกองทัพและได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา เดอ โกลได้ประกาศลาออกในปี พ.ศ. 2512 ภายหลังจากความพ่ายแพ้ในการลงประชามติ ซึ่งเขาได้เสนอให้มีการกระจายอำนาจมากขึ้น เขาได้เสียชีวิตในอีกหนึ่งปีต่อมาที่บ้านพักของเขาในกอลงแบเลเดอเซกลีซ(Colombey-les-Deux-Églises) ทำให้บันทึกความทรงจำของประธานาธิบดีผู้นี้ที่ยังเขียนไม่เสร็จ |
|||
พรรคการเมืองและบุคคลสำคัญหลายคนของฝรั่งเศสได้กล่าวอ้างว่า เป็นมรดกของ[[ลัทธิเดอ โกล]] ถนนและอนุสาวรีย์หลายแห่งในฝรั่งเศสได้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับความทรงจำของเขา ภายหลังจากที่เขาได้เสียชีวิตลง |
|||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
||
บรรทัด 56: | บรรทัด 64: | ||
ชาร์ล เดอ โกล ได้เลือกที่จะใช้ชีวิตเป็นทหารอาชีพ และเขาก็ได้เรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารพิเศษแซ็ง-ซีร์ (École spéciale militaire de Saint-Cyr) เป็นเวลากว่า 4 ปี และได้เข้าร่วมกองทหารราบแทนที่จะเลือกหน่วยทหารหัวกะทิ |
ชาร์ล เดอ โกล ได้เลือกที่จะใช้ชีวิตเป็นทหารอาชีพ และเขาก็ได้เรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารพิเศษแซ็ง-ซีร์ (École spéciale militaire de Saint-Cyr) เป็นเวลากว่า 4 ปี และได้เข้าร่วมกองทหารราบแทนที่จะเลือกหน่วยทหารหัวกะทิ |
||
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง ชาร์ล เดอ โกล ยังคงอยู่ในกองทัพ เป็นนายทหารของพลเอก Maxime Weygand และพลเอกฟีลิป เปแต็ง อย่างต่อเนื่อง ในระหว่างสงครามโปแลนด์-โซเวียต ([[พ.ศ. 2462]] - [[พ.ศ. 2464]]) เขาได้อาสาเข้าไปเป็นสมาชิกของหน่วยภารกิจทหารฝรั่งเศสเพื่อโปแลนด์ และได้เป็นครูฝึกทหารราบให้แก่กองทัพโปแลนด์ ต่อมาเขาได้แยกตัวออกเพื่อที่จะเข้าร่วมภารกิจใกล้ ๆ แม่น้ำ Zbrucz (บริเวณ[[ประเทศยูเครน]])และได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ทางทหารอันสูงสุดของโปแลนด์ นั่นก็คือเครื่องอิสริยาภรณ์ Virtuti Militari |
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง ชาร์ล เดอ โกล ยังคงอยู่ในกองทัพ เป็นนายทหารของพลเอก Maxime Weygand และพลเอกฟีลิป เปแต็ง อย่างต่อเนื่อง ในระหว่าง[[สงครามโปแลนด์-โซเวียต]] ([[พ.ศ. 2462]] - [[พ.ศ. 2464]]) เขาได้อาสาเข้าไปเป็นสมาชิกของหน่วยภารกิจทหารฝรั่งเศสเพื่อโปแลนด์ และได้เป็นครูฝึกทหารราบให้แก่กองทัพโปแลนด์ ต่อมาเขาได้แยกตัวออกเพื่อที่จะเข้าร่วมภารกิจใกล้ ๆ แม่น้ำ Zbrucz (บริเวณ[[ประเทศยูเครน]])และได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ทางทหารอันสูงสุดของโปแลนด์ นั่นก็คือเครื่องอิสริยาภรณ์ Virtuti Militari |
||
เขายังได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยและยังได้ข้อเสนอให้ทำงานต่อที่[[ประเทศโปแลนด์]] แต่เขากลับเลือกที่จะกลับมาทำงานใน[[ประเทศฝรั่งเศส]] และได้เป็นนายทหารเสนาธิการและได้สอนที่โรงเรียนเตรียมทหาร (École Militaire) เป็นผู้อยู่ในอุปถัมภ์ของผู้บังคับบัญชาคนเก่าของเขา คือ พลเอก[[ |
เขายังได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยและยังได้ข้อเสนอให้ทำงานต่อที่[[ประเทศโปแลนด์]] แต่เขากลับเลือกที่จะกลับมาทำงานใน[[ประเทศฝรั่งเศส]] และได้เป็นนายทหารเสนาธิการและได้สอนที่โรงเรียนเตรียมทหาร (École Militaire) เป็นผู้อยู่ในอุปถัมภ์ของผู้บังคับบัญชาคนเก่าของเขา คือ พลเอก[[ฟีลิป เปแต็ง]] ชาร์ล เดอ โกลนั้นได้รับอิทธิพลจาก[[สงครามโปแลนด์-โซเวียต]]เป็นอย่างมากด้วยการใช้รถถัง เคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว และการทำสงครามในสนามเพลาะ เขายังได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างเพื่ออนาคตทางทหารและการเมืองของเขาจากจอมพล Józef Piłsudski แห่ง[[ประเทศโปแลนด์|โปแลนด์]] ในเรื่องการก่อตั้งสหภาพยุโรป |
||
[[ไฟล์:Charles_de_Gaulle_1943_Tunisia.jpg|right|thumb|นายร้อยชาร์ล เดอ โกล]] |
[[ไฟล์:Charles_de_Gaulle_1943_Tunisia.jpg|right|thumb|นายร้อยชาร์ล เดอ โกล]] |
||
ชาร์ล เดอ โกลได้เห็นขอแตกต่างระหว่างสงครามโปแลนด์-โซเวียตและ[[สงครามโลกครั้งที่ 1]] เป็นอย่างมากโดยเฉพาะในด้านประสบการณ์ ซึ่งเขาก็ได้ออกหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับการจัดการการทหารโดยเฉพาะเล่มที่ชื่อว่า ไปสู่ทหารอาชีพ (Vers l'Armée de Métier) ที่เขาได้เสนอองค์ประกอบของทหารที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับหน่วยทหารติดอาวุธ และเหนือกว่านั้นคือแนวคิดที่เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ แนวกำแพงมาชิโนต์ (Maginot Line) |
ชาร์ล เดอ โกลได้เห็นขอแตกต่างระหว่างสงครามโปแลนด์-โซเวียตและ[[สงครามโลกครั้งที่ 1]] เป็นอย่างมากโดยเฉพาะในด้านประสบการณ์ ซึ่งเขาก็ได้ออกหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับการจัดการการทหารโดยเฉพาะเล่มที่ชื่อว่า ไปสู่ทหารอาชีพ (Vers l'Armée de Métier) ที่เขาได้เสนอองค์ประกอบของทหารที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับหน่วยทหารติดอาวุธ และเหนือกว่านั้นคือแนวคิดที่เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ แนวกำแพงมาชิโนต์ (Maginot Line) |
||
บรรทัด 67: | บรรทัด 75: | ||
* Heinz Guderian นักทฤษฎีทางทหารชาวเยอรมัน |
* Heinz Guderian นักทฤษฎีทางทหารชาวเยอรมัน |
||
* ประธานาธิบดี[[ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์|ไอเซนฮาวร์]]แห่ง[[สหรัฐอเมริกา]] |
* ประธานาธิบดี[[ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์|ไอเซนฮาวร์]]แห่ง[[สหรัฐอเมริกา]] |
||
* พลเอกจอร์จ |
* พลเอก[[จอร์จ เอส. แพตตัน]] จูเนียร์ แห่ง[[สหรัฐอเมริกา]] |
||
* จอมพล[[มีคาอิล ตูคาเชฟสกี]] แห่ง[[สหภาพโซเวียต]] |
|||
* จอมพล Mikhail Tukhachevsky ชาวรัสเซีย |
|||
* พลเอก Władysław Sikorski นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ |
* พลเอก Władysław Sikorski นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ |
||
บรรทัด 77: | บรรทัด 85: | ||
เมื่อ[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] ปะทุขึ้น ชาร์ล เดอ โกลมียศเพียงแค่ ''พันเอก'' และเขาก็ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้นำทางทหารตั้งแต่ต้นประมาณปี [[พ.ศ. 2463]] มาเรื่อย ๆ ต่อมากองทัพเยอรมันได้ยาตราทัพเข้าตีเมืองเซอดังในวันที่ [[15 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2483]] เขาก็เลยได้เป็นผู้บังคับการ กองทหารรถถังที่ 4 |
เมื่อ[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] ปะทุขึ้น ชาร์ล เดอ โกลมียศเพียงแค่ ''พันเอก'' และเขาก็ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้นำทางทหารตั้งแต่ต้นประมาณปี [[พ.ศ. 2463]] มาเรื่อย ๆ ต่อมากองทัพเยอรมันได้ยาตราทัพเข้าตีเมืองเซอดังในวันที่ [[15 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2483]] เขาก็เลยได้เป็นผู้บังคับการ กองทหารรถถังที่ 4 |
||
ในวันที่ [[17 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2483]] เขาได้โจมตีรถถังเยอรมันบริเวณ Montcornet ด้วยรถถังเพียง 200 คันและไม่มีกำลังทางอากาศสนับสนุนซึ่งทำได้เพียงต่อต้านการรุกคืบหน้าของกองทัพเยอรมันเท่านั้นเอง ต่อมาในวันที่ [[28 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2483]] เขาได้โจมตีกองทหารราบของเยอรมัน จนถอยไปถึง Caumont และนี่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะเป็นยุทธวิธีไม่กี่วิธีที่ทำให้ฝรั่งเศสมีชัยต่อกองทัพเยอรมันในเวลานั้น ซึ่งนายกรัฐมนตรี[[ปอล เรย์โนด์]] ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ |
ในวันที่ [[17 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2483]] เขาได้โจมตีรถถังเยอรมันบริเวณ Montcornet ด้วยรถถังเพียง 200 คันและไม่มีกำลังทางอากาศสนับสนุนซึ่งทำได้เพียงต่อต้านการรุกคืบหน้าของกองทัพเยอรมันเท่านั้นเอง ต่อมาในวันที่ [[28 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2483]] เขาได้โจมตีกองทหารราบของเยอรมัน จนถอยไปถึง Caumont และนี่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะเป็นยุทธวิธีไม่กี่วิธีที่ทำให้ฝรั่งเศสมีชัยต่อกองทัพเยอรมันในเวลานั้น ซึ่งนายกรัฐมนตรี[[ปอล เรย์โนด์]] ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้บัญชาการกองพลน้อย หรือที่เรียกว่า Général de brigade (เทียบเท่านายพลจัตวา) ซึ่งทำให้เขาเป็นที่เรียกว่า Général de Gaulle ในเวลาต่อมา |
||
วันที่ [[6 มิถุนายน]] [[ปอล เรย์โนด์]] ได้แต่งตั้งเขาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมและสงคราม และให้เขาดูแลเรื่องการประสานงานกับ[[สหราชอาณาจักร]] ในฐานะที่เขาเป็นคนใหม่ในรัฐบาลฝรั่งเศส เขาล้มเหลวในการต่อต้านการยอมแพ้ของฝรั่งเศส และการสนับสนุนในการย้ายรัฐบาลไปยังแอฟริกาเหนือและต่อสู้กับกองทัพเยอรมันให้ถึงที่สุดจากเมืองขึ้นฝรั่งเศส เขาได้รับตำแหน่งนายทหารประสานงานกับสหราชอาณาจักรและเขาก็ได้เสนอ[[วินสตัน เชอร์ชิลล์]] ในการรวมประเทศฝรั่งเศสเข้ากับสหราชอาณาจักรเป็นประเทศเดียวกัน ด้วยทหารและรัฐบาลเดียวกันในระหว่างสงครามนี้ ซึ่งเป็นข้อเสนอสุดท้ายเพื่อชาวฝรั่งเศสที่ต้องการจะสู้ในสงครามต่อไป ในวันที่ [[16 มิถุนายน]] ใน[[ลอนดอน|กรุงลอนดอน]] |
วันที่ [[6 มิถุนายน]] [[ปอล เรย์โนด์]] ได้แต่งตั้งเขาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมและสงคราม และให้เขาดูแลเรื่องการประสานงานกับ[[สหราชอาณาจักร]] ในฐานะที่เขาเป็นคนใหม่ในรัฐบาลฝรั่งเศส เขาล้มเหลวในการต่อต้านการยอมแพ้ของฝรั่งเศส และการสนับสนุนในการย้ายรัฐบาลไปยังแอฟริกาเหนือและต่อสู้กับกองทัพเยอรมันให้ถึงที่สุดจากเมืองขึ้นฝรั่งเศส เขาได้รับตำแหน่งนายทหารประสานงานกับสหราชอาณาจักรและเขาก็ได้เสนอ[[วินสตัน เชอร์ชิลล์]] ในการรวมประเทศฝรั่งเศสเข้ากับสหราชอาณาจักรเป็นประเทศเดียวกัน ด้วยทหารและรัฐบาลเดียวกันในระหว่างสงครามนี้ ซึ่งเป็นข้อเสนอสุดท้ายเพื่อชาวฝรั่งเศสที่ต้องการจะสู้ในสงครามต่อไป ในวันที่ [[16 มิถุนายน]] ใน[[ลอนดอน|กรุงลอนดอน]] |
||
บรรทัด 95: | บรรทัด 103: | ||
มีชาวฝรั่งเศสไม่มากนักที่ได้ยินคำปราศรัยของเดอ โกลในวันนั้นเพราะวิทยุ BBC ไม่ใคร่จะเป็นที่ได้ยินในประเทศฝรั่งเศสและชาวฝรั่งเศสกว่าล้านคนเป็นผู้ลี้ภัยด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตามใจความสำคัญของคำปราศรัยครั้งนั้นได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสในวันต่อมาบริเวณทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส (ซึ่งยังมิได้โดนยึด) และคำปราศรัยนั้นยังได้เปิดซ้ำไปซ้ำมาเป็นเวลาหลายวันทาง BBC และ เดอ โกล เองก็ได้ปราศรัยเรื่อย ๆ ในเวลาต่อมา |
มีชาวฝรั่งเศสไม่มากนักที่ได้ยินคำปราศรัยของเดอ โกลในวันนั้นเพราะวิทยุ BBC ไม่ใคร่จะเป็นที่ได้ยินในประเทศฝรั่งเศสและชาวฝรั่งเศสกว่าล้านคนเป็นผู้ลี้ภัยด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตามใจความสำคัญของคำปราศรัยครั้งนั้นได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสในวันต่อมาบริเวณทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส (ซึ่งยังมิได้โดนยึด) และคำปราศรัยนั้นยังได้เปิดซ้ำไปซ้ำมาเป็นเวลาหลายวันทาง BBC และ เดอ โกล เองก็ได้ปราศรัยเรื่อย ๆ ในเวลาต่อมา |
||
คำปราศรัยของเดอ โกลในวันที่ [[22 มิถุนายน]]ทาง BBC สามารถฟังได้ที่[http://www.charles-de-gaulle.org/dossier/18juin/temoignages/son22j.htm นี่] หรือใจความสำคัญของคำปราศรัยอื่น ๆ และสำเนาโปสเตอร์ตั้งแต่ [[มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2483]] หาได้จากที่[http://www.ump-vlb.org/general/deGaulle.htm นี่] |
คำปราศรัยของเดอ โกลในวันที่ [[22 มิถุนายน]]ทาง BBC สามารถฟังได้ที่[http://www.charles-de-gaulle.org/dossier/18juin/temoignages/son22j.htm นี่] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20070401142203/http://www.charles-de-gaulle.org/dossier/18juin/temoignages/son22j.htm |date=2007-04-01 }} หรือใจความสำคัญของคำปราศรัยอื่น ๆ และสำเนาโปสเตอร์ตั้งแต่ [[มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2483]] หาได้จากที่[http://www.ump-vlb.org/general/deGaulle.htm นี่] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20070824205305/http://www.ump-vlb.org/general/deGaulle.htm |date=2007-08-24 }} |
||
ในไม่ช้า ท่ามกลางความวุ่นวาย งุนงง และยุ่งเหยิงของประเทศฝรั่งเศส ข่าวที่ว่ามีนายพลชาวฝรั่งเศสที่อยู่ใน[[ลอนดอน|กรุงลอนดอน]]ได้ปฏิเสธที่จะยอมแพ้หรือสงบศึกกับเยอรมนีและได้ประกาศว่าสงครามยังดำเนินต่อไป ได้กระจายจากปากสู่ปาก และจนวันนี้คำปราศรัยของเขานั้นเป็นที่จดจำและโด่งดังที่สุดอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส |
ในไม่ช้า ท่ามกลางความวุ่นวาย งุนงง และยุ่งเหยิงของประเทศฝรั่งเศส ข่าวที่ว่ามีนายพลชาวฝรั่งเศสที่อยู่ใน[[ลอนดอน|กรุงลอนดอน]]ได้ปฏิเสธที่จะยอมแพ้หรือสงบศึกกับเยอรมนีและได้ประกาศว่าสงครามยังดำเนินต่อไป ได้กระจายจากปากสู่ปาก และจนวันนี้คำปราศรัยของเขานั้นเป็นที่จดจำและโด่งดังที่สุดอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส |
||
บรรทัด 120: | บรรทัด 128: | ||
เดอ โกลได้ลาออกเมื่อวันที่ [[20 มกราคม]] [[พ.ศ. 2489]] ด้วยการตำหนิว่าพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่ามีความขัดแย้งกันเองและไม่รับรอง[[รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 4]] ซึ่งเขาเชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจรัฐสภามากเกินไป พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงพันธมิตรของพรรคการเมือง คนที่ได้รับตำแหน่งต่อจากเขาคือ [[เฟลิกซ์ กวง]] (SFIO), ต่อมาคือ [[ฌอร์ฌ บีโด]] (MRP) และสุดท้ายคือ [[เลอง บลูม]] (SFIO) |
เดอ โกลได้ลาออกเมื่อวันที่ [[20 มกราคม]] [[พ.ศ. 2489]] ด้วยการตำหนิว่าพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่ามีความขัดแย้งกันเองและไม่รับรอง[[รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 4]] ซึ่งเขาเชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจรัฐสภามากเกินไป พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงพันธมิตรของพรรคการเมือง คนที่ได้รับตำแหน่งต่อจากเขาคือ [[เฟลิกซ์ กวง]] (SFIO), ต่อมาคือ [[ฌอร์ฌ บีโด]] (MRP) และสุดท้ายคือ [[เลอง บลูม]] (SFIO) |
||
⚫ | |||
* [[ไฟล์:Order of the Royal House of Chakri (Thailand) ribbon.JPG|80px]] [[เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์]]ฝ่ายหน้า (ม.จ.ก.) ([[ประเทศไทย]]) |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
* [http://sources.wikipedia.org/wiki/France,_présidentielle_1965 การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ค.ศ. 1965] |
* [http://sources.wikipedia.org/wiki/France,_présidentielle_1965 การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ค.ศ. 1965] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20040630000418/http://sources.wikipedia.org/wiki/France%2C_pr%C3%A9sidentielle_1965 |date=2004-06-30 }} |
||
* [http://www.charles-de-gaulle.org มูลนิธิและสถาบันชาร์ล เดอ โกล] |
* [http://www.charles-de-gaulle.org มูลนิธิและสถาบันชาร์ล เดอ โกล] |
||
* [http://perso.wanadoo.fr/wwii/europe/france/biographie/degaulle.htm บรรณานุกรมอย่างละเอียด] |
* [http://perso.wanadoo.fr/wwii/europe/france/biographie/degaulle.htm บรรณานุกรมอย่างละเอียด] |
||
บรรทัด 165: | บรรทัด 170: | ||
|รูปภาพ = Armoiries république française.svg |
|รูปภาพ = Armoiries république française.svg |
||
|ตำแหน่ง = [[รายนามประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประธานคณะรัฐบาลเฉพาะกาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส]] |
|ตำแหน่ง = [[รายนามประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประธานคณะรัฐบาลเฉพาะกาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส]] |
||
|จำนวนตำแหน่ง = |
|จำนวนตำแหน่ง = |
||
|ก่อนหน้า = [[ฟีลิป เปแต็ง]]<br /><small>([[ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประมุขแห่งรัฐฝรั่งเศส]])</small> |
|ก่อนหน้า = [[ฟีลิป เปแต็ง]]<br /><small>([[ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประมุขแห่งรัฐฝรั่งเศส]])</small> |
||
|จำนวนก่อนหน้า = |
|จำนวนก่อนหน้า = |
||
|ถัดไป = [[เฟลิกซ์ กวง]] |
|ถัดไป = [[เฟลิกซ์ กวง]] |
||
|จำนวนถัดไป = |
|จำนวนถัดไป = |
||
|ช่วงเวลา = [[พ.ศ. 2487]] - [[พ.ศ. 2489]] |
|ช่วงเวลา = [[พ.ศ. 2487]] - [[พ.ศ. 2489]] |
||
}} |
}} |
||
บรรทัด 176: | บรรทัด 181: | ||
|สี2 = |
|สี2 = |
||
|สี3 = #F9C8BF |
|สี3 = #F9C8BF |
||
|รูปภาพ = |
|รูปภาพ = Armoiries république française.svg |
||
|ตำแหน่ง = [[รายนามประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส|ประธานคณะรัฐบาลเฉพาะกาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส]] |
|||
|ตำแหน่ง = |
|||
|จำนวนตำแหน่ง = |
|||
|ก่อนหน้า = [[ปีแยร์ ลาวาล]]<br /><small>([[นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรี]])</small> |
|ก่อนหน้า = [[ปีแยร์ ลาวาล]]<br /><small>([[นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส|นายกรัฐมนตรี]])</small> |
||
|จำนวนก่อนหน้า = |
|จำนวนก่อนหน้า = |
||
|ถัดไป = |
|ถัดไป = [[เฟลิกซ์ กวง]] |
||
|จำนวนถัดไป = |
|||
|ช่วงเวลา = |
|ช่วงเวลา = [[พ.ศ. 2487]] - [[พ.ศ. 2489]] |
||
}} |
}} |
||
{{สืบตำแหน่ง |
{{สืบตำแหน่ง |
||
บรรทัด 230: | บรรทัด 235: | ||
{{เกิดปี|2433}}{{ตายปี|2513}} |
{{เกิดปี|2433}}{{ตายปี|2513}} |
||
[[หมวดหมู่:ชาร์ล เดอ โกล| ]] |
|||
[[หมวดหมู่:ประธานาธิบดีฝรั่งเศส]] |
[[หมวดหมู่:ประธานาธิบดีฝรั่งเศส]] |
||
[[หมวดหมู่:นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส]] |
|||
[[หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.จ.ก. (ฝ่ายหน้า)]] |
|||
[[หมวดหมู่:นายพลชาวฝรั่งเศส]] |
|||
[[หมวดหมู่:นายพลในสงครามโลกครั้งที่สอง]] |
|||
⚫ | |||
[[หมวดหมู่:ผู้รอดชีวิตจากการลอบสังหาร]] |
[[หมวดหมู่:ผู้รอดชีวิตจากการลอบสังหาร]] |
||
[[หมวดหมู่:ผู้นำในสงครามเย็น]] |
|||
[[หมวดหมู่:บุคคลจากลีล]] |
|||
{{Link FA|de}} |
|||
{{Link FA|he}} |
|||
{{Link FA|ru}} |
|||
{{Link GA|pl}} |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 08:37, 3 มิถุนายน 2567
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ชาร์ล อ็องเดร โฌแซ็ฟ มารี เดอ โกล (ฝรั่งเศส: Charles André Joseph Marie de Gaulle) หรือ ชาร์ล เดอ โกล; 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2433 – 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513) เป็นเจ้าหน้าที่นายทหารแห่งกองทัพบกฝรั่งเศส และรัฐบุรุษที่นำเสรีฝรั่งเศสในการต่อสู้กับนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นประธานรัฐบาลชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2487 - พ.ศ. 2489 เพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่ในฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2501 เขาได้พ้นจากตำแหน่ง เมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะรัฐมนตรี(นายกรัฐมนตรี) โดยประธานาธิบดี เรอเน กอตี เขาได้เขียนร่างรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่และก่อตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 4 ภายหลังจากได้รับการอนุมัติโดยการลงประชามติ เขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปีต่อมา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาได้รับเลือกอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 และดำรงตำแหน่งจนกระทั่งลาออกในปี พ.ศ. 2512
เขาเกิดในเมืองลีล เขาได้จบการศึกษาจาก เซนต์ ไคล์ ในปี พ.ศ. 2455 เขาเป็นนายทหารที่ได้รับการประดับด้วยเหรียญกล้าหาญจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งได้รับบาดเจ็บหลายครั้งและต่อมาก็ถูกจับกุมเป็นเชลยที่แวร์เดิง ในช่วงสมัยระหว่างสงคราม เขาได้สนับสนุนกองพลยานเกราะที่เคลื่อนที่ได้ ในช่วงเยอรมันเข้ารุกรานในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2483 เขาได้เป็นผู้นำกองพลยานเกราะในการโจมตีตอบโต้กลับต่อผู้รุกราน จากนั้นเขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสงคราม การปฏิเสธที่จะยอมรับการสงบศึกของรัฐบาลของเขากับเยอรมนี เดอ โกลได้ลี้ภัยไปยังอังกฤษ และกระตุ้นให้ชาวฝรั่งเศสทำการต่อต้านการยึดครองและดำเนินการต่อสู้ต่อไปตามคำอุทธรณ์ 18 มิถุนายนของเขา เขาเป็นผู้นำกองทัพเสรีฝรั่งเศส และต่อมาเป็นหัวหน้าคณะกรรมการแห่งการปลดปล่อยชาติฝรั่งเศสที่ต่อกรกับฝ่ายอักษะ แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกา แต่โดยทั่วไปแล้ว เขาได้รับการสนับสนุนจากวินสตัน เชอร์ชิลและกลายเป็นผู้นำที่ไม่มีใครโต้แย้งได้ของเสรีฝรั่งเศส เขาได้เป็นหัวหน้ารัฐบาลชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2487 รัฐบาลชั่วคราวของฝรั่งเศสในภายหลังจากได้รับการปลดปล่อย ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2487 เดอ โกลได้นำนโยบายเศรษฐกิจแบบดิริจิสต์ ซึ่งได้รวมถึงการควบคุมโดยรัฐอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมซึ่งตามาด้วยการเติบโตเป็นประวัติการณ์ 30 ปี เป็นที่รู้จักกันคือ Trente Glorieuses ความผิดหวังโดยการกลับมาของการแบ่งพรรคแบ่งพวกเล็กน้อยในสาธารณรัฐที่ 4 แห่งใหม่นี้ เขาได้ลาออกในช่วงต้นปี พ.ศ. 2489 แต่ยังคงมีบทบาททางการเมืองในฐานะผู้ก่อตั้ง Rassemblement du Peuple Français (RPF; "การชุมนุมของประชาชนชาวฝรั่งเศส") เขาได้เกษียณอายุในช่วงต้นปี พ.ศ. 2493 และเขียนหนังสือที่ชื่อว่า "บันทึกความทรงจำของสงคราม" ซึ่งกลายเป็นวรรณกรรมฝรั่งเศสสมัยใหม่ที่สำคัญอย่างรวดเร็ว
เมื่อสงครามแอลจีเรียกำลังทำลายสาธารณรัฐที่สี่ที่กำลังสั่นคลอน สมัชชาแห่งชาติได้ทำให้เขากลับมามีอำนาจในช่วงวิกฤตการณ์เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2501 เขาได้ก่อตั้งสาธารณรัฐที่ห้า ด้วยตำแหน่งประธานาธิบดีที่แข็งแกร่งและเขาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่อไป เขาได้พยายามที่จะรักษาชาวฝรั่งเศสไว้ด้วยกัน ในขณะที่ทำตามขั้นตอนเพื่อยุติสงคราม ซึ่งเป็นผลมาจากความโกรธแค้นของ Pieds-Noirs (ชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ฝรั่งเศสที่เกิดในแอลจีเรีย) และทางทหาร ทั้งสองฝ่ายเคยสนับสนุนให้เขากลับคืนสู่อำนาจเพื่อรักษาการปกครองดินแดนอาณานิคม เขาได้มอบเอกราชให้แก่แอลจีเรียและดำเนินการอย่างก้าวหน้าต่อเขตอาณานิคมอื่น ๆ ของฝรั่งเศส ในบริบทของสงครามเย็น เดอ โกล ได้ริเริ่ม "การเมืองแห่งความยิ่งใหญ่" โดยยืนยันว่า ฝรั่งเศสเป็นมหาอำนาจที่สำคัญ ไม่ควรที่จะพึ่งพาประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา เพื่อความมั่งคงและความมั่นคั่งของชาติ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงดำเนินนโยบาย "เอกราชแห่งชาติ" ซึ่งทำให้เขาต้องถอนตัวออกจากกองบัญชาการทหารที่รวมน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเนโท และเปิดตัวโครงการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ที่เป็นอิสระ ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสนั้นมีอำนาจด้วยระเบิดนิวเคลียร์เป็นอันดับที่สี่ เขาได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศส - เยอรมันด้วยมิตรไมตรีจิตเพื่อสร้างถ่วงดุลอำนาจของยุโรประหว่างอิทธิพลของอังกฤษและอเมริกา และโซเวียต โดยผ่านการลงนามในสนธิสัญญาเลลีเซ เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2506
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนาใด ๆ ของสหภาพเหนือชาติ ที่นิยมให้ยุโรปเป็นทวีปแห่งชาติที่มีอำนาจอธิปไตย เดอ โกลได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการแทรกแซงของสหรัฐในเวียดนามและ "สิทธิพิเศษที่สูงเกินจริง" ของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ในปีต่อมา เขาได้รับสนับสนุนจากคำขวัญที่ว่า "เสรีควิเบก จงเจริญ" และการคัดค้านต่อการเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจยุโรปของสหราชอาณาจักรถึงสองครั้ง ได้สร้างความขัดแย้งอย่างมาก ทั้งในอเมริกาเหนือและยุโรป แม้ว่าจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2508 แต่เขาได้เผชิญพบกับการประท้วงอย่างกว้างขวางของนักศึกษาและคนงานในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2511 แต่ยังคงได้รับการสนับสนุนจากกองทัพและได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา เดอ โกลได้ประกาศลาออกในปี พ.ศ. 2512 ภายหลังจากความพ่ายแพ้ในการลงประชามติ ซึ่งเขาได้เสนอให้มีการกระจายอำนาจมากขึ้น เขาได้เสียชีวิตในอีกหนึ่งปีต่อมาที่บ้านพักของเขาในกอลงแบเลเดอเซกลีซ(Colombey-les-Deux-Églises) ทำให้บันทึกความทรงจำของประธานาธิบดีผู้นี้ที่ยังเขียนไม่เสร็จ
พรรคการเมืองและบุคคลสำคัญหลายคนของฝรั่งเศสได้กล่าวอ้างว่า เป็นมรดกของลัทธิเดอ โกล ถนนและอนุสาวรีย์หลายแห่งในฝรั่งเศสได้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับความทรงจำของเขา ภายหลังจากที่เขาได้เสียชีวิตลง
ประวัติ[แก้]
ชาร์ล เดอ โกล เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2433 เป็นลูกคนที่ 3 ใน 5 ของครอบครัวโรมันคาทอลิกที่มีลักษณะอนุรักษ์-เสรีนิยมที่เมืองลีล ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศฝรั่งเศส ติดกับประเทศเบลเยียม
เขาเติบโตและได้รับการศึกษาในกรุงปารีสที่ Collège Stanislas de Paris และยังได้ศึกษาในประเทศเบลเยียมระยะหนึ่ง
เชื้อสายฝ่ายพ่อของชาร์ล เดอ โกลนั้นเป็นชนชั้นผู้ดีตระกูลสูง (อภิชนาธิปไตย) ในแถบนอร์ม็องดีและเบอร์กันดีมาเป็นเวลานาน ซึ่งได้ย้ายรกรากมาอาศัยอยู่ในกรุงปารีสเป็นเวลากว่าศตวรรษแล้ว ส่วนเชื้อสายทางฝ่ายแม่ของเขานั้น เป็นผู้บริหารกิจการอุตสาหกรรมที่ร่ำรวยแห่งเมืองลีลในบริเวณฟลานเดอส์ฝรั่งเศส
คำว่า เดอ (de) (ซึ่งแปลว่า แห่ง หรือ ณ) ในคำว่า เดอ โกล (de Gaulle) นั้นไม่ได้เป็นนามสกุลขุนนางแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่บรรพบุรุษของครอบครัว เดอ โกล นั้น เป็นขุนนางหรืออัศวินซึ่งสูงด้วยยศและตำแหน่ง ซึ่งบรรพบุรุษคนแรก ๆ ของตระกูล เดอ โกล นั้นมียศเป็นผู้ติดตามอัศวิน (Écuyer) ในสมัยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ช่วงศตวรรษที่ 12 เป็นที่เชื่อกันว่า คำว่า เดอ โกล นั้นได้มีวิวัฒนาการมาจากคำว่า De Walle ซึ่งแปลว่า กำแพงเมืองหรือป้อมปราการ ในภาษาเยอรมัน เนื่องจากขุนนางฝรั่งเศสในสมัยก่อนนั้น สืบเชื้อสายมาจากพวกแฟรงก์และนอร์มังเยอรมัน ซึ่งก็ทำให้ได้รับอิทธิพลในการใช้ชื่อเยอรมัน และเป็นที่สังเกตว่า คำว่า เดอ โกล (de Gaulle) นั้นจะขึ้นต้นด้วย d ตัวเล็กเสมอ
ปู่ของชาร์ล เดอ โกลนั้นเป็นนักประวัติศาสตร์ ส่วนย่าเป็นนักเขียน พ่อของเขา อ็องรี เดอ โกล เป็นครูในโรงเรียนคาทอลิกเอกชน ซึ่งเขาได้ตั้งโรงเรียนขึ้นมาเอง การโต้วาทีเรื่องการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่ครอบครัวเขาทำเป็นประจำ เมื่อตอนเขาเด็ก ๆ พ่อของเขาก็ได้แนะนำนักเขียนผู้ซึ่งเป็นพวกอนุรักษนิยมอยู่เป็นประจำ ครอบครัวเขาเป็นครอบครัวที่มีความเป็นชาตินิยม เขาเติบโตมาด้วยความศรัทธาที่มีต่อชาติของตนเอง
ครอบครัวเขาเป็นพวกจารีตนิยม อนุรักษนิยมและยังสนับสนุนการปกครองในระบอบราชาธิบไตย แต่ถึงกระนั้นครอบครัวเขาก็ได้ยึดถือกฎหมายและเคารพสาธารณรัฐเป็นอย่างดี มุมมองทางการเมืองของพวกเขายังออกไปแนวเสรีนิยมอีกด้วย
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1[แก้]
ชาร์ล เดอ โกล ได้เลือกที่จะใช้ชีวิตเป็นทหารอาชีพ และเขาก็ได้เรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารพิเศษแซ็ง-ซีร์ (École spéciale militaire de Saint-Cyr) เป็นเวลากว่า 4 ปี และได้เข้าร่วมกองทหารราบแทนที่จะเลือกหน่วยทหารหัวกะทิ
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง ชาร์ล เดอ โกล ยังคงอยู่ในกองทัพ เป็นนายทหารของพลเอก Maxime Weygand และพลเอกฟีลิป เปแต็ง อย่างต่อเนื่อง ในระหว่างสงครามโปแลนด์-โซเวียต (พ.ศ. 2462 - พ.ศ. 2464) เขาได้อาสาเข้าไปเป็นสมาชิกของหน่วยภารกิจทหารฝรั่งเศสเพื่อโปแลนด์ และได้เป็นครูฝึกทหารราบให้แก่กองทัพโปแลนด์ ต่อมาเขาได้แยกตัวออกเพื่อที่จะเข้าร่วมภารกิจใกล้ ๆ แม่น้ำ Zbrucz (บริเวณประเทศยูเครน)และได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ทางทหารอันสูงสุดของโปแลนด์ นั่นก็คือเครื่องอิสริยาภรณ์ Virtuti Militari
เขายังได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยและยังได้ข้อเสนอให้ทำงานต่อที่ประเทศโปแลนด์ แต่เขากลับเลือกที่จะกลับมาทำงานในประเทศฝรั่งเศส และได้เป็นนายทหารเสนาธิการและได้สอนที่โรงเรียนเตรียมทหาร (École Militaire) เป็นผู้อยู่ในอุปถัมภ์ของผู้บังคับบัญชาคนเก่าของเขา คือ พลเอกฟีลิป เปแต็ง ชาร์ล เดอ โกลนั้นได้รับอิทธิพลจากสงครามโปแลนด์-โซเวียตเป็นอย่างมากด้วยการใช้รถถัง เคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว และการทำสงครามในสนามเพลาะ เขายังได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างเพื่ออนาคตทางทหารและการเมืองของเขาจากจอมพล Józef Piłsudski แห่งโปแลนด์ ในเรื่องการก่อตั้งสหภาพยุโรป
ชาร์ล เดอ โกลได้เห็นขอแตกต่างระหว่างสงครามโปแลนด์-โซเวียตและสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นอย่างมากโดยเฉพาะในด้านประสบการณ์ ซึ่งเขาก็ได้ออกหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับการจัดการการทหารโดยเฉพาะเล่มที่ชื่อว่า ไปสู่ทหารอาชีพ (Vers l'Armée de Métier) ที่เขาได้เสนอองค์ประกอบของทหารที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับหน่วยทหารติดอาวุธ และเหนือกว่านั้นคือแนวคิดที่เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ แนวกำแพงมาชิโนต์ (Maginot Line)
แนวคิดเดียวกันนี้ได้ก้าวหน้าไปโดย:
- พลตรี จอห์น เฟรเดอริก ชาลส์ ฟูลเลอร์ (J. F. C. Fuller) ชาวอังกฤษ
- Heinz Guderian นักทฤษฎีทางทหารชาวเยอรมัน
- ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์แห่งสหรัฐอเมริกา
- พลเอกจอร์จ เอส. แพตตัน จูเนียร์ แห่งสหรัฐอเมริกา
- จอมพลมีคาอิล ตูคาเชฟสกี แห่งสหภาพโซเวียต
- พลเอก Władysław Sikorski นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์
แต่ถึงกระนั้นแนวคิดของชาร์ล เดอ โกลก็ได้ถูกปฏิเสธจากทหารคนอื่น ๆ โดยเฉพาะพลเอกฟีลิป เปแต็ง ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งตึงเครียดขึ้น นักการเมืองฝรั่งเศสเองก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ทำให้เป็นที่สงสัยในความน่าเชื่อถือของทหารอาชีพต่อนักการเมือง ยกเว้น Paul Reynaud ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อชาร์ล เดอ โกล
เดอ โกล เองก็ได้ติดต่อกับ Ordre Nouveau (New Order) ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2477 ถึงต้นปี พ.ศ. 2478 ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งแนวคิดทางการเมืองของกลุ่มนี้อยู่ในปีกฝ่ายขวา และต้องการที่จะสร้างทางที่ 3 ขึ้นมาระหว่างสังคมนิยมกับทุนนิยม และต่อต้านเสรีนิยม รัฐสภานิยม ประชาธิปไตย และฟาสซิสต์
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น ชาร์ล เดอ โกลมียศเพียงแค่ พันเอก และเขาก็ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้นำทางทหารตั้งแต่ต้นประมาณปี พ.ศ. 2463 มาเรื่อย ๆ ต่อมากองทัพเยอรมันได้ยาตราทัพเข้าตีเมืองเซอดังในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 เขาก็เลยได้เป็นผู้บังคับการ กองทหารรถถังที่ 4
ในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 เขาได้โจมตีรถถังเยอรมันบริเวณ Montcornet ด้วยรถถังเพียง 200 คันและไม่มีกำลังทางอากาศสนับสนุนซึ่งทำได้เพียงต่อต้านการรุกคืบหน้าของกองทัพเยอรมันเท่านั้นเอง ต่อมาในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 เขาได้โจมตีกองทหารราบของเยอรมัน จนถอยไปถึง Caumont และนี่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะเป็นยุทธวิธีไม่กี่วิธีที่ทำให้ฝรั่งเศสมีชัยต่อกองทัพเยอรมันในเวลานั้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีปอล เรย์โนด์ ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้บัญชาการกองพลน้อย หรือที่เรียกว่า Général de brigade (เทียบเท่านายพลจัตวา) ซึ่งทำให้เขาเป็นที่เรียกว่า Général de Gaulle ในเวลาต่อมา
วันที่ 6 มิถุนายน ปอล เรย์โนด์ ได้แต่งตั้งเขาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมและสงคราม และให้เขาดูแลเรื่องการประสานงานกับสหราชอาณาจักร ในฐานะที่เขาเป็นคนใหม่ในรัฐบาลฝรั่งเศส เขาล้มเหลวในการต่อต้านการยอมแพ้ของฝรั่งเศส และการสนับสนุนในการย้ายรัฐบาลไปยังแอฟริกาเหนือและต่อสู้กับกองทัพเยอรมันให้ถึงที่สุดจากเมืองขึ้นฝรั่งเศส เขาได้รับตำแหน่งนายทหารประสานงานกับสหราชอาณาจักรและเขาก็ได้เสนอวินสตัน เชอร์ชิลล์ ในการรวมประเทศฝรั่งเศสเข้ากับสหราชอาณาจักรเป็นประเทศเดียวกัน ด้วยทหารและรัฐบาลเดียวกันในระหว่างสงครามนี้ ซึ่งเป็นข้อเสนอสุดท้ายเพื่อชาวฝรั่งเศสที่ต้องการจะสู้ในสงครามต่อไป ในวันที่ 16 มิถุนายน ในกรุงลอนดอน
เขาได้ขึ้นเครื่องบินกลับไปยังบอร์โด (รัฐบาลเฉพาะกาลของสาธารณรัฐฝรั่งเศส) ในบ่ายวันเดียวกัน และเพิ่งได้ข่าวว่าฟิลิป เปแต็ง ได้เป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมกับความคิดที่จะสงบศึกกับเยอรมนี
วันนั้นเองที่เขาได้ตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาและประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของฝรั่งเศสนั่นคือการประกาศไม่ยอมรับการยอมแพ้ของฝรั่งเศสและยังได้ต่อต้านกฎหมายของรัฐบาลของเปแต็ง (ซึ่งในมุมมองของเขาคือกฎหมายที่ไม่ชอบธรรม) และได้ประกาศทำสงครามต่อกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ต่อมาในวันที่ 17 มิถุนายน เขาได้หลบหนีออกจากบอร์โดพร้อมกับทองคำ 100,000 ฟรังก์ซึ่งเป็นเงินลับที่ ปอล แรโน ได้ให้เขาในคืนก่อน เขาหนีรอดอย่างหวุดหวิดจากเครื่องบินรบเยอรมันและถึงกรุงลอนดอนในบ่ายวันนั้น เดอ โกลได้ปฏิเสธการยอมจำนนของประเทศฝรั่งเศสและเตรียมพร้อมในการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะต่อสู่กับเยอรมนี ดังนั้นการเกิดสงครามกลางเมืองฝรั่งเศสก็สามารถปะทุขึ้นได้ทุกเวลา ยุคฝรั่งเศสเขตวีชีที่อยู่ข้างฝ่ายอักษะได้ก่อกำเนิดแล้ว จะต้องต่อสู้กับแนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศสนำโดยชาร์ล เดอ โกลที่ปฏิเสธและต่อต้านการสงบศึก
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2: แนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศส[แก้]
ในวันที่ 18 มิถุนายน เดอ โกล เตรียมตัวที่ปราศรัยแก่คนฝรั่งเศสผ่านทางวิทยุ BBC ในกรุงลอนดอน คณะรัฐมนตรีของอังกฤษได้พยายามบล็อกคำปราศรัยครั้งนั้นแต่วินสตัน เชอร์ชิลล์ก็ได้ยับยั้งมติคณะรัฐมนตรีไว้ได้ ในประเทศฝรั่งเศส เดอ โกล คำอุทธรณ์ 18 มิถุนายน (Appel du 18 Juin) น่าจะเป็นที่ได้ยินของคนทั้งชาติในเย็นวันนั้น แต่ในความจริงแล้วมีเพียงเล็กน้อยที่ได้ยินเท่านั้น เดอ โกลยังไม่เป็นที่รู้จักกันในประเทศฝรั่งเศสเวลานั้น และคำปราศรัยของเขานั้นเป็นเหมือนความเพ้อฝันเสียมากกว่า วลีที่ว่า ฝรั่งเศสแพ้จากการรบ แต่ยังมิได้แพ้สงคราม นั้นได้พบอยู่บนโปสเตอร์ทั่วสหราชอาณาจักร และถูกโยงไปอย่างผิด ๆ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำปราศรัยทาง BBC แต่อย่างไรก็ตามวลีดังกล่าวก็ได้เห็นความตั้งใจแน่วแน่ของชาร์ล เดอ โกล เขาเองมีส่วนร่วมในการต่อต้านการบุกรุกของเยอรมันและได้ประกาศว่า ไฟการต่อต้านของฝรั่งเศสจะไม่ดับลง แต่ เดอ โกลก็ได้อ้างถึงการต่อต้านของทหารแต่เมื่อทหารชาวฝรั่งเศสส่วนมากนึกได้ว่าตนเองไม่มีปัจจัยใด ๆ ที่สามารถชนะสงครามได้แล้ว จึงต่อต้านศีลธรรมแทน ทำให้เดอ โกล มีความผิดหวังอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
มีชาวฝรั่งเศสไม่มากนักที่ได้ยินคำปราศรัยของเดอ โกลในวันนั้นเพราะวิทยุ BBC ไม่ใคร่จะเป็นที่ได้ยินในประเทศฝรั่งเศสและชาวฝรั่งเศสกว่าล้านคนเป็นผู้ลี้ภัยด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตามใจความสำคัญของคำปราศรัยครั้งนั้นได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสในวันต่อมาบริเวณทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส (ซึ่งยังมิได้โดนยึด) และคำปราศรัยนั้นยังได้เปิดซ้ำไปซ้ำมาเป็นเวลาหลายวันทาง BBC และ เดอ โกล เองก็ได้ปราศรัยเรื่อย ๆ ในเวลาต่อมา
คำปราศรัยของเดอ โกลในวันที่ 22 มิถุนายนทาง BBC สามารถฟังได้ที่นี่ เก็บถาวร 2007-04-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน หรือใจความสำคัญของคำปราศรัยอื่น ๆ และสำเนาโปสเตอร์ตั้งแต่ มิถุนายน พ.ศ. 2483 หาได้จากที่นี่ เก็บถาวร 2007-08-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
ในไม่ช้า ท่ามกลางความวุ่นวาย งุนงง และยุ่งเหยิงของประเทศฝรั่งเศส ข่าวที่ว่ามีนายพลชาวฝรั่งเศสที่อยู่ในกรุงลอนดอนได้ปฏิเสธที่จะยอมแพ้หรือสงบศึกกับเยอรมนีและได้ประกาศว่าสงครามยังดำเนินต่อไป ได้กระจายจากปากสู่ปาก และจนวันนี้คำปราศรัยของเขานั้นเป็นที่จดจำและโด่งดังที่สุดอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส
ในลอนดอน ชาร์ล เดอ โกล ได้ก่อตั้งและดำเนินการแนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศส ในขณะที่สหรัฐอเมริกาให้การยอมรับรัฐบาลวิชีฝรั่งเศสแต่สหราชอาณาจักร รัฐบาลของวินสตัน เชอร์ชิลล์ให้การสนับสนุนชาร์ล เดอ โกล ทั้ง ๆ ที่รักษาระดับความสัมพันธ์กับรัฐบาลวิชีฝรั่งเศสอยู่
ในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2483 ศาลทหารในเมืองตูลูซ ได้ตัดสินให้ชาร์ล เดอ โกล (โดยที่เจ้าตัวไม่อยู่) จำคุกเป็นเวลา 4 ปี และการตัดสินครั้งที่ 2 ในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2483 ได้ตัดสินลงโทษประหารชีวิต เนื่องจากทรยศและทำการกบฏต่อรัฐบาลวิชีฝรั่งเศส
ในการปฏิบัติต่อสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกานั้น เขายืนหยัดตลอดเวลาในการยืนหยัดสิทธิเสรีภาพในฐานะตัวแทนคนฝรั่งเศส แต่บ่อยครั้งที่เขาถูกฝ่ายสัมพันธมิตรลืม เขาอาศัยอยู่ด้วยความระแวงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อสหราชอาณาจักรเพราะเขาเชื่อว่าสหราชอาณาจักรพยายามหาทางที่จะยึดเอาเลอวองต์จากฝรั่งเศสอย่างลับ ๆ เคลมองทีน เชอร์ชิลล์ ภรรยาเซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์ ผู้ซึ่งชื่นชมในตัวเดอ โกล ได้เคยเตือนเขาไว้ว่า อย่าเกลียดพันธมิตรมากกว่าศัตรู แต่เดอ โกลก็ได้ตอบกลับไปว่า ฝรั่งเศสไม่มีเพื่อน มีแต่หุ้นส่วน
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวมีความซับซ้อน เดอ โกลเองก็ไม่ไว้วางใจจุดประสงค์ของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา เนื่องจากนักการเมืองระดับสูงของสหรัฐอเมริกานั้นไม่ไว้วางใจแนวร่วมปลดปล่อยฝรั่งเศสของชาร์ล เดอ โกล และเป็นประเทศหนึ่งที่ปฏิเสธในการยอมรับแนวร่วมปลดปล่อยฝรั่งเศสและชาร์ล เดอ โกลในฐานะตัวแทนประเทศฝรั่งเศส ในทางกลับกัน สหรัฐอเมริกาก็ยังได้ให้การยอมรับรัฐบาลวิชีฝรั่งเศสแทน
หลายครั้งที่คนได้วิจารณ์การทำงานร่วมกันของเดอ โกลและเชอร์ชิลล์อย่างผิด ๆ เช่น "จากไม้กางเขนทั้งหมดที่ข้าพเจ้าดูแล ไม้กางเขนแห่งลอแรนป็นสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าหนักใจเป็นที่สุด" (ไม้กางเขนแห่งลอแรนป็นสัญลักษณ์ของแนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศส) ซึ่งคำเหน็บแหนมดังกล่าว แท้จริงแล้ว ทูตอังกฤษที่ส่งไปยังฝรั่งเศส พลตรี เซอร์ หลุยส์ สเปียส์ เป็นคนพูดต่างหาก
บางครั้งในภาวะตึงเครียด กล่าวกันว่า เชอร์ชิลล์ได้เคยพูดเป็นภาษาฟร็องแกล (ภาษาฝรั่งเศส + ภาษาอังกฤษ / français + anglais) ว่า Si vous ne co-operatez, je vous obliterai ซึ่งแปลว่า ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ ผมจะทำลายคุณซะ
เขาได้ทำงานร่วมกับกลุ่มการต่อต้านของฝรั่งเศสและผู้สนับสนุนการครอบครองเมืองขึ้นฝรั่งเศสบริเวณแอฟริกา ต่อมาหลังภารกิจ Operation Torch ที่ทหารอังกฤษและอเมริกันยกพลบุกเมืองขึ้นฝรั่งเศสในแอฟริกาเหนือในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2485 (เมืองขึ้นฝรั่งเศสขณะนั้นภายใต้รัฐบาลฝรั่งเศสเขตวีชี) ชาร์ล เดอ โกลได้ย้ายกองบัญชาการไปยังเมืองแอลเจียร์ ประเทศแอลจีเรียในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2486 หลังจากนั้นเดอ โกลก็ได้เป็นประธานร่วม (ร่วมกับพลเอกอ็องรี ชีโรด์ ซึ่งสหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุน) และภายหลังเป็นประธานคณะกรรมมาธิการปลดปล่อยแห่งชาติ (คนเดียว)
ระหว่างภารกิจการปลดปล่อยฝรั่งเศสนั้น ทหารอังกฤษและอเมริกันก็ได้ยกพลขึ้นผืนแผ่นดินใหญ่ที่ประเทศฝรั่งเศสในภารกิจ Operation Overlord หรือเป็นที่คุ้นหูในนาม "การรบแห่งนอร์ม็องดี" เดอ โกลก็สถาปนาแนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศสในผืนแผ่นดินใหญ่ฝรั่งเศส หลีกเลี่ยง รัฐบาลทหารสัมพันธมิตรเพื่อครอบครองดินแดน (AMGOT) เขาได้นั่งเครื่องบินจากประเทศแอลจีเรียมายังฝรั่งเศสก่อนการเป็นเสรีภาพของกรุงปารีส และได้เคลื่อนที่เข้าไปบริเวณแนวหน้าใกล้ ๆ เมืองหลวงพร้อมกับทหารสัมพันธมิตร เขาได้กลับไปยังกรุงปารีสในไม่ช้า และก็ได้กลับเข้าทำงานในกระทรวงระหว่างสงคราม และก็ได้ประกาศว่าสาธารณรัฐที่ 3 ยังคงอยู่ต่อไปและปฏิเสธการปกครองของวิชีฝรั่งเศส
เดอ โกลได้เป็นประธานคณะรัฐบาลเฉพาะกาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (GPRF) เริ่มในเดือนกันยายน พ.ศ. 2487 เขาได้ส่งหน่วยปฏิบัติการฝรั่งเศสนอกประเทศแห่งตะวันออกไกล (Corps Expéditionnaire Français en Extrême-Orient, CEFEO) เพื่อที่จะสถาปนาอำนาจในภูมิภาคอินโดจีนฝรั่งเศสขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2488 และได้แต่งตั้งพลเรือเอกดาร์ชองลีอู เป็นผู้บัญชาการอินโดจีนฝรั่งเศส และจอมพลเลอเคลิร์กเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในอินโดจีนฝรั่งเศสและบังคับบัญชาหน่วยปฏิบัติการฝรั่งเศสนอกประเทศแห่งตะวันออกไกล
ภายใต้การนำของชาร์ล เดอ โกล ผู้ที่ได้ทำการต่อต้านและต่อสู้เพื่อฝรั่งเศสมาก่อนหน้านี้แล้วนั้น (ส่วนมากเป็นทหารจากเมืองขึ้นฝรั่งเศส) สามารถเคลื่อนกองทัพ ๆ หนึ่งของฝรั่งเศสในบริเวณแนวตะวันตกได้ โดยการกระทำภารกิจยกพลขึ้นทางตอนใต้ของฝรั่งเศส (Operation Dragoon) ซึ่งสามารถทำให้ 1 ใน 3 ของประเทศฝรั่งเศสเป็นเสรีจากกองทัพเยอรมันได้ ทหารกลุ่มนี้เรียกว่า กองทัพฝรั่งเศสกลุ่มแรก ทำให้กองทัพฝรั่งเศสนั้นได้เข้าร่วมในการต่อสู้กับเยอรมนีทางทหารพร้อมเพรียงกับทหารอังกฤษโดยปริยาย และยังได้ยึดดินแดนที่กองทัพเยอรมันครอบครองไว้คืนมาอีกด้วย และนี่ส่งผลไปถึงการที่ฝรั่งเศสมีส่วนร่วมในสนธิสัญญาการยอมแพ้ของเยอรมนีด้วย มากกว่านั้นฝรั่งเศสยังมีโอกาสที่จะควบคุม 1 ใน 4 ส่วนของประเทศเยอรมนีหลังสงครามอีกด้วย (พร้อมกับ สหราชอาณาจักร รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา)
เดอ โกลได้ลาออกเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2489 ด้วยการตำหนิว่าพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่ามีความขัดแย้งกันเองและไม่รับรองรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 4 ซึ่งเขาเชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจรัฐสภามากเกินไป พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงพันธมิตรของพรรคการเมือง คนที่ได้รับตำแหน่งต่อจากเขาคือ เฟลิกซ์ กวง (SFIO), ต่อมาคือ ฌอร์ฌ บีโด (MRP) และสุดท้ายคือ เลอง บลูม (SFIO)
อ้างอิง[แก้]
- การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ค.ศ. 1965 เก็บถาวร 2004-06-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- มูลนิธิและสถาบันชาร์ล เดอ โกล
- บรรณานุกรมอย่างละเอียด
- ศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับลัทธินิยมเดอโกล
- การปลดปล่อยมณฑลควิเบ็ก